ADD โชว์Q3/66 รายได้เพิ่ม 27.02% (YoY)จ่อผนึกกลุ่มโอเปอเรเตอร์ เสิร์ฟความบันเทิงผ่านบริการเสริมดันบริษัทย่อย HWTHAI เจาะธุรกิจ SECURITY และ LOYALTY ขยายฐานกลุ่มค้าปลีก-สถาบันการเงิน
กรุงเทพฯ - บมจ.แอดเทค ฮับ (“ADD”) กลับมาผงาด โชว์งบผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้จากการให้บริการ 91.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.02% ขณะที่กำไรสุทธิ 9.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.10% ด้าน CFO “นายสมโภช ทนุตันติวงศ์”ส่งซิกธุรกิจฟื้น หลังดีลควบรวมทรู-ดีแทคแล้วเสร็จ หนุนตลาดให้บริการเสริมคึกคักขึ้น จ่อผนึกกลุ่มโอเปอเรเตอร์เสิร์ฟความบันเทิงผ่านบริการเสริมดันรายได้เพิ่ม พร้อมดันบริษัทในเครือ “HWTHAI”รุกต่อยอดการให้บริการด้าน SECURITY และ LOYALTY ขยายฐานลูกค้ากลุ่มค้าปลีก-สถาบันการเงิน
บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ADD แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 มีรายได้จากการให้บริการ 91.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2565 จำนวน 19.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.02% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากผู้ใช้บริการมีการใช้จ่ายเพื่อใช้บริการเสริมโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น จากการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เพิ่มขึ้นของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ หลังจากการควบรวมกิจการ (TRUE-DTAC) ภายในอุตสาหกรรมมีความชัดเจน ในขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.48% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่9.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.10% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการ
ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 รายได้จากการให้บริการ มีจำนวน 218.46 ล้านบาท ลดลง 43.74 ล้านบาท เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อใช้บริการเสริมโดยเฉลี่ยลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ประสบกับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับความกังวลของผู้ใช้บริการที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อในอนาคต จึงทำให้ผู้ใช้บริการมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือน อยู่ที่ 11.05 ล้านบาท ลดลง 33.11 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการให้บริการลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น
นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ(“ADD”) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯทั้งรายได้และกำไรเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC ดำเนินการได้เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้มีการเปิดให้บริการเสริมต่าง ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง และจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ ADD ได้รับอานิสงส์จากการรับรู้รายได้ส่วนแบ่งจากการให้บริการเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้จากแนวโน้มการฟื้นตัว ทำให้บริษัทฯเชื่อมั่นว่า ในไตรมาส 4/2566 ภาพรวมธุรกิจจะกลับมาโดดเด่นอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ปัจจุบันอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะการให้บริการเสริมด้านความบันเทิงซึ่งกลุ่มโอเปอเรเตอร์เองมีการให้บริการเสริมด้านความบันเทิงผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ มากขึ้น นอกเหนือไปจากแพ็กเกจโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่ง ADD ในฐานะพันธมิตรที่เชี่ยวชาญคอยร่วมสนับสนุนระบบเบื้องหลังการให้บริการต่าง ๆ ดังกล่าว สามารถช่วยให้โอเปอเรเตอร์มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดียิ่งขึ้น โดยโปรเจ็คต์ต่าง ๆ ได้ทยอยเปิดให้บริการระบบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ADD ยังได้กล่าวถึงการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมาว่า แผนการขับเคลื่อนการลงทุนของ ADD ถือเป็นการลงทุนในธุรกิจที่สร้าง New S-Curve สู่การต่อยอดทางธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทฯสามารถทยอยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นในแต่ละบริษัทซึ่งในระยะ 2-3 ปีแรก แม้ว่าบริษัทฯจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรไม่สูงมากนัก แต่ภายหลังจากปี 2567 เชื่อว่าทุกธุรกิจของทั้ง 4 บริษัทที่มีการลงทุนไป อาทิ บริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด (“7C”), บริษัท ไฮเว็บเทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด (“HWTHAI”), บริษัท โอริสมา จำกัด (OMH) และล่าสุด บริษัท จีทีไอ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (“GTI”) จะสะท้อนตัวเลขผลการดำเนินงานอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างการดำเนินงานในแต่ละธุรกิจ พร้อมทั้งบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าในการนำบริษัทที่เข้าไปลงทุนในข้างต้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2 ปีจากนี้อย่างน้อย 1 บริษัท โดยจะพิจารณาตามลำดับความเหมาะสม
สำหรับแผนการในปี 2567 นอกเหนือไปจากการขยายการให้บริการระบบร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ ADD อยู่ระหว่างศึกษาต่อยอดด้านการให้บริการด้านSECURITY และ LOYALTY ผ่านบริษัท ไฮเว็บ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด (“HWTHAI”) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญระบบการบริหารจัดการด้านความสัมพันธ์ของลูกค้า (CRM) เพื่อการให้เชื่อมต่อเข้ากับระบบการชำระเงินผ่านบัตรและแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งระบบการยืนยันตัวตน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานเจาะลูกค้ากลุ่มค้าปลีกและสถาบันการเงิน หรือกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสนใจ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในครึ่งปีแรกของปี 2567 จากการขับเคลื่อนดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้บริษัทฯมั่นใจอัตราการเติบโตในปี2567 ว่าจะสามารถผลักดันรายได้กลับมาแตะระดับ 500 ล้านบาท